แต่ในความจริงแล้ว มันดีจริงหรือ?
ถ้าผมคิดกลับกันล่ะ ผมขอสบายตอนนี้ แล้วแก่ๆ ไปลำบากล่ะ?
ลองคิดง่ายๆ สองตัวเลือก (ให้เริ่มทำงานตอน 20 ตายตอน 70)
- ทำงานหนักซัก 30 ปี แล้วสบายใน 20 ปีที่เหลือของชีวิต
- ทำงานสบายๆ ไปเรื่อยๆ 40 ปี อีก 10 ปีเกษียณ ไม่มีเงิน ลำบาก?
อันนี้แล้วแต่คนเลือกล่ะครับ แต่ผมเองไม่สนับสนุนการทำงานหนักมากๆ หามรุ่งหามค่ำ ทำ OT เพราะคิดแต่ว่าจะ "สบายในวันหน้า" ด้วยเหตุผลประกอบประมาณนี้
- ทำงานหนักมากเกินไป ก็เป็นผลเสียต่อสุขภาพ ไม่ได้สบายหรอก มัวแต่รักษาตัว
- เราอาจตายวันพรุ่งนี้ แล้วอนาคตที่จะสบายล่ะ?
- ทำงานหนัก แล้วเวลาดูแลพ่อแม่ล่ะ? พ่อแม่ไม่ได้เราอยู่กับเราไปจนวันที่เราสบายนะ
- ไม่มีเวลาให้ลูก ปัญหาสังคม
- ทำงานหนักไป แก่ก็ไม่มีแรงใช้อยู่ดี อาจได้บ้านหลังโต แต่ก็ได้แค่นอนอยู่กับบ้านนั่นล่ะ
ที่บอกอย่างนี้เพราะเห็นรุ่นพี่ที่รู้จักหลายคนจะอยู่ในอารมณ์ว่า ต้องทำงานหนักเพื่อบริษัท ทำ OT ให้ได้เงินเยอะ ทำหนักเพื่อบริษัทถ้าเราตาย บริษัทก็แค่จ้างพนักงานใหม่ครับ ส่วน OT เนี่ยไม่คุ้มกับค่ารักษาพยาบาลตอนเจ็บหรอก
เอาเป็นว่า "ลำบากวันนี้" สำหรับผมมันไม่ต้องลำบากมากครับ อยากทำเพื่อบริษัท ก็แค่ทำงานให้เต็มที่ แบ่งเวลาให้เป็นก็พอ อะไรที่มันตึงเกินทิ้งบ้างก็ได้ ทำงานเต็มที่เพื่อส่วนรวมเป็นเรื่องดี แต่ก็หัดเป็นคนเห็นแก่ตัว(เอง) บ้างละกัน
สุดท้ายมีเรื่องฝากคิดอีกเรื่องนึง
อะไรคือความสุข?
คนที่ทำงานหาเช้ากินค่ำ เย็นเอาเงินลงขวด มีความสุขไหม?
เค้ามีความความสุขกับการกินเหล้า ติดเหล้า สุดท้ายเป็นมะเร็งตับตายตอนอายุ 30 ตาย...มีความสุขไหม?
ระหว่างคนที่มีความสุขทุกวันก่อนตายตอนอายุ 30
กับอีกคนที่เครียดทุกวัน อยู่ในกรอบ ไม่เคยผ่อนตัวเอง ไปตายตอน 70 ทั้งชีวิตจะเคยมีความสุขไหม?
แบบไหนดีกว่ากัน?
อะไรคือความสุข?
คนที่ทำงานหาเช้ากินค่ำ เย็นเอาเงินลงขวด มีความสุขไหม?
เค้ามีความความสุขกับการกินเหล้า ติดเหล้า สุดท้ายเป็นมะเร็งตับตายตอนอายุ 30 ตาย...มีความสุขไหม?
ระหว่างคนที่มีความสุขทุกวันก่อนตายตอนอายุ 30
กับอีกคนที่เครียดทุกวัน อยู่ในกรอบ ไม่เคยผ่อนตัวเอง ไปตายตอน 70 ทั้งชีวิตจะเคยมีความสุขไหม?
แบบไหนดีกว่ากัน?