เขาพระวิหาร...เราเสีย?

ท่ามกลางเสียงชื่นชมว่าไทยชี้แจงได้ดี ยังมีบางอย่างที่คนไทยอาจลืมไป...

เริ่มจาก..
เผื่อใครไม่ได้ตามเรื่อง ผมจะเล่าเป็นการ์ตูนให้ฟัง..

1. กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วไทยยึดเส้นสีแดง กัมพูชายึดเส้นสีน้ำเงิน
2. ศาลโลกสั่งให้ไทยถอนกำลังออกจาก "บริเวณปราสาท" เมื่อปี 2505
3. ไทยเลยถอย เอารั้วไปวางไว้ตรงเส้นเหลือง
   . . .
4. รอบนี้กัมพูชาขอให้ศาลตีความว่า "บริเวณปราสาท" ว่าคือส่วนไหนบ้าง(แน่นอนเค้าชอบเส้นสีน้ำเงิน)

รอบนี้เลยเป็นการสู้โดยไทยยึดเส้นเหลือง(และแดง) กัมพูชายึดเส้นน้ำเงิน

ทีนี้มันมีบางอย่างเกิดขึ้นก่อนจะมาสู่ศาลโลกครั้งนี้

...ปี 2548 กัมพูชาขอจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งยูเนสโกยังเห็นว่ามีปัญหาเรื่องเขตแดน เลยให้มาตกลงกับไทยก่อน กัมพูชาเลยขอขึ้นทะเบียนแค่ "ตัวปราสาท" และไทยก็ได้เสนอให้ขึ้นทะเบียนร่วม โดยพื้นที่บริเวณตัวปราสาทบริหารร่วมกัน

...จนกระทั่งมีกระแสคลั่งชาติว่า รัฐบาลยกพื้นที่ให้กัมพูชา มีการประท้วง นายนพดล ปัทมะ(รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในขณะนั้น)ต้องลาออก
...ไทยหาเรื่องเค้าและเกิดการต่อสู้ ยิงกันที่ชายแดน
...กัมพูชาจึงวิ่งไปที่ศาลโลก


เผื่อยังจับประเด็นไม่ได้

• ก่อนนี้คนไทยส่วนนึงคิดว่า "พื้นที่ใต้ตัวปราสาท" เป็นของไทย การที่ไทยไปยอมให้ขึ้นมรดกโลก เป็นการยกพื้นที่ตรงนั้นให้กัมพูชา
• แต่ในศาลโลกตอนนี้ เราสู้โดยยึดเส้นเหลือง ซึ่งแปลว่าที่ตรงนั้นเป็นของเค้าไปแล้ว

มันก็ต้องมีอะไรพลาดซักอย่างล่ะครับ

1. พลาดที่ทีมทนายชุดนี้เลือกยึดเส้นเหลือง?
2. พลาดที่โดนกลุ่มคนคลั่งชาติปั่นหัวจนต้องยิงกับประเทศข้างๆ? ทั้งที่เขาพร้อมจะเจรจา

ลองมาเริ่มต้นใหม่จากปี 2548 ถ้าไทยไม่บ้าจี้เกินไป

• เราได้บริหารปราสาทพระวิหารร่วมกับกัมพูชา
• ไทยไม่ต้องรบกับพระเทศเพื่อนบ้าน ไม่มีทหารต้องเจ็บ
• นายนพดล ปัทมะไม่ต้องลาออก กับความผิดที่ไม่มีอยู่จริง

สรุปคือ

• เมื่อสี่ห้าปีที่แล้ว เราทะเลาะกันเองเรื่องรัฐบาลยกพื้นที่ให้กัมพูชา มีรัฐมนตรีลาออก และเกิดการยิงกันที่แนวชายแดน
• วันนี้เราได้ยืนยันกับศาลโลกว่าพื้นที่ตรงนั้นกับปากเราเองว่าพื้นที่ตรงนั้นไม่ใช่ของเรา