ขอ Jam นะครับ
ตรงประโยคที่คุณ Sand กล่าวว่า
"เหตุที่เรายังไม่มีคนดีมาบริหารประเทศเพราะเราปล่อยให้คนที่โกงแล้วพัฒนาประเทศมาบริหารงานทำให้คนดีไม่เกิดซะที"
ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ครับ
ผมได้สนทนากับฝรั่ง 3 ชาติ ในช่วงที่บ้านเราเพิ่งปฏิวัติครั้งล่าสุด ได้แก่ US, UK และ AUS
ซึ่งสัญชาติของทั้ง 3 ท่าน เป็นประเทศประชาธิปไตยทั้งนั้น
และ 2 ใน 3 นั้น คือต้นแบบที่เราพยายามลอกเลียนมาเริ่มตั้งแต่รัชกาลที่ 4 มาจนบัดนี้
ผมได้ฟังเขาอธิบายมุมมองหนึ่ง ที่น่าสนใจ เลยจะเอามาเล่าให้อ่านกันนะครับ
Questionare : "เหตุที่ประเทศไทยยังไม่มีคนดีมาบริหารประเทศ"
ผมสรุปสั้นได้เป็นประโยคนี้ "เพราะพฤติกรรมของคนไทยทำให้ไม่มั่นคงปลอดภัยเพียงพอที่จะทำให้คนดีกล้าอาสาขึ้นมาบริหารประเทศ" ครับ
Questionare : "เมื่อไม่มีคนดีให้เลือก การไม่ลงคะแนนเลือกเลยจะดีกว่า"
ผมสรุปสั้นได้เป็นประโยคนี้ "การไม่เลือกเลย คือการทำลายประชาธิปไตย"
ต่อไปผมจะขยายความจากที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับฝรั่ง 3 ชาติพอสังเขปได้ประมาณนี้...
(ใครจะเอากระชับ กรุณาอย่าอ่านต่อ... ผมให้ตัวเลือกแล้วนะครับ แบบกระชับ มองตามมุมหลวมๆ หรือจะเอาแบบ Declare ชัดเจน ก็ตามมาอ่านเองครับ เพราะผมเห็นส่วนใหญ่ขนาดว่าตามอ่านแล้ว ยังมองไม่ออกชัดเจนกันเลย)
ประชาธิปไตย คือให้ประชาชนเลือกเอง เรียนเอง ผิดเอง ถูกเอง ผูกเอง และแก้เองครับ
ทุกคนต้องมีศักดิ์ศรีเท่ากันหมดในการเลือกครับ
ไม่ใช่ให้ใครมาอ้างว่าเป็นนักวิชาการ มีบารมีสูง มีความรู้มาก มีเงินมาก ฯลฯ
มาสรุปเองว่าสิ่งนั้นดี สิ่งนั้นไม่ดีครับ
Let's the people choose ครับ
ประชาธิปไตยมันมีวิวัฒนาการ จะคัดเลือกและดีขึ้นเองตามธรรมชาติไปตามเวลา
เริ่มแรก ประชาชนอาจขายเสียง และเขาก็ได้คนที่เขาว่าไม่ดี
ต่อๆ ไป เขาก็เริ่มจะไม่ขายเสียง เริ่มจะสอนลูกหลานต่อๆ ไป
ค่อยๆ พัฒนาไปตามประสบการณ์รวมของประชนทั้งชาติครับ
สิ่งที่ต้องการันตีให้ได้คือ ความมั่นคง ปลอดภัยครับ
ให้แน่ใจว่า เมื่อประชาชนเลือกมาแล้ว
ต่อให้จะได้โคตรโจรมาเป็นผู้นำ ได้ลูกบริษัทน้ำมันบ้าสงครามมาเป็นผู้นำ
หรือจะได้ไอ้โง่ที่ไหนมาเป็นผู้นำ ประชาชนต้องปกป้องให้เขาได้อยู่ทำงานครบวาระ
ให้เขาปลอดภัยจากการล้มกระดาน เขาได้อยู่แผลงฤทธิ์เพื่อให้ประชาชนเรียนรู้และฉลาดขึ้นต่อไป
ประชนต้องไม่ยอมให้ใครมาล้มกระดานได้ง่ายๆ ต้องไม่มีการปฏิวัติ
ประชาชนต้องทำให้คนดีๆ เห็นว่า แม้คนไม่ดี หรือไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ มาเป็นผู้นำประเทศ
ประชาชนก็ยังปกป้อง คุ้มครอง ให้เขาได้แสดงฝีมือ/ความห่วย/ความเลวออกมาจนได้ครบวาระ
คนดีๆ จึงจะกล้าออกมาอาสาครับ
เพราะไม่มีอะไร ที่ทำแล้วดีในทุกๆ ด้านครับ
ไม่มีใครทำอะไรแล้วประชาชนทุกคนเห็นดีด้วยหมดครบถ้วนทุกตัวคน
ถ้าประชาชนไม่ปกป้องแล้ว คนดีที่ไหนจะกล้าครับ
Let's the people choose. Let's the people wrong. Let's the people learn.
สามประโยคที่ผมฟังแล้วประทับใจในคำอธิบายของพวกเขาทั้ง 3
(ต่างกรรมต่างวาระนะครับ ผมไม่ได้คุยพร้อมกัน)
การล้มกระดาน ไม่ว่าจะรูปแบบไหน คือการวางยาให้ประชาชนโง่ค้างเติ่งอยู่อย่างนั้นครับ
จะเหลือที่ว่ากันว่าฉลาดๆ อยู่แค่พวกที่เราเห็นในหน้าจอโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ครับ
นอกนั้นโง่ทั้งประเทศครับประเทศไทย มีคนดีมีความสามารถอีกเยอะครับ
แต่เพราะความจริงคือ ไม่ว่าจะดี มีความสามารถแค่ไหน ก็ทำอะไรถูกใจใครทั้งหมดไม่ได้
โดยเฉพาะที่ว่า คนไม่ดียังมีอยู่เต็มสังคม และคนไม่ดีนี่แหละ ที่มีอำนาจและบารมีสูงในสังคมทั้งนั้น
ถ้าประชาชนไม่สามารถปกป้องคนที่เขาเลือกมานั่งในตำแหน่งนี้ได้ คนดีๆ ที่ไหนจะอาสามาทำงานให้ครับ?
อีกประเด็นคือ "การไม่เลือก" คือการทำลายประชาธิปไตยครับจากที่ผมเล่ามาข้างต้น
การเลือก ไม่ว่าจะแบบใดคือการทำให้ประชาธิปไตยมีวิวัฒนาการไปในทางที่ดีขึ้นทั้งนั้นครับ
ไม่ว่าจะเลือกผิดก็ดี หรือเลือกถูกก็ดี
(ผมหมายถึง ผิด/ถูก ตามแต่ละคนคิดนะครับ)
แต่การไม่เลือกเลยสิครับ คือการ "มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ" ครับ
มันคือการไม่มีส่วนช่วยในวิวัฒนาการของประชาธิปไตยเลย
จะผิด ก็ให้ได้เรียนรู้กันว่าผิดครับจะถูก ก็ให้รู้กันไปครับ
เอ่อ... ที่ผ่านมา ผมแค่เล่าให้อ่านกันนะครับ
ไม่ได้เจตนาจะทัดทานอะไรคุณ บังเอิญคำพูดของคุณเป็นสิ่งที่ทำให้ผมนึกถึงเรื่องนี้ได้น่ะครับ
แต่... ไหนๆ ก็ไหนๆ.... ก็เอาเสียหน่อย...
ประชาธิปไตย ไม่ได้ให้สิทธิคุณกาช่อง "ไม่เลือก" ครับ
นั่นนักการเมือง นักกฏหมาย ให้สิทธิคุณครับ
ประชาธิปไตย คือ ต้องเลือก ครับประชาธิปไตย คือ ประชามา Vote กันครับ
แล้วทำไมหลายประเทศ จึงเกิดมีข้อนี้ขึ้นมาล่ะ?
(ลองไปหาข่าวต่างประเทศย้อนหลัง อ่านดูประกอบนะครับ)
ประเทศแรกๆ ที่มี Choice นี้ขึ้นมา เพื่อดูตัวเลขของประชาชนที่ไม่พอใจ/สนับสนุน/ยินดี
กับการเลือกในการปกครองระบอบประชาธิปไตย
โดยนำมาประเมินเทียบกับจำนวน "ผู้ไม่ไปเลือก" ครับ
นั่นคือเจตนาแรกๆ ที่ Choice ถูกคิดขึ้นมา
ซึ่งกำเนิดโดยกลุ่มประเทศที่เริ่มเข้าสู่ประชาธิปไตย (มาจากการปกครองแบบอื่นๆ)
เจตนาของ Choice นี้ในบ้านเรา ถูกนักการเมืองนำมาใช้บ้าง
โดยชักจูงให้ตีความเป็นว่า มันคือ Choice ที่แสดงว่า "ไม่พอใจใครเลยสักคน"
ในขณะที่กลุ่มคนผู้ที่ใช้ประโยชน์จากตัวเลขนี้นั้น
ใช้เพื่อดูว่า มี Potentail ที่ประชาชนจะเข้าใจและหูตาสว่างในสิทธิของตนเองแค่ไหน
พวกเขาจะยังคงครอบครองความคิดประชาชนได้แค่ไหน
ยังคงทำอะไรได้แค่ไหน
"การไม่เลือก" ไม่ต้องมี Choice ครับ
มันก็คือไม่ไปเลือกเลยนั่นเอง
มันไม่ต่างกันเลยในทางผลของประชาธิปไตยใช่ไหมครับ?
แต่การไปกาว่า "ไม่เลือก" เป็นการแสดงที่ชัดเจนกว่า ว่ามีจำนวนเท่าไหร่
ผู้ทรงอำนาจจะยังอำประชาชนไปได้อีกแค่ไหน?
ซึ่ง... เทียบกับตัวเลข "คนที่ไม่ไปเลือก" แล้ว กลุ่มนั้นจำแนกออกยากกว่าครับ
ว่าไม่ไปใช้สิทธิด้วยเหตุอะไรบ้าง มีจำนวนเท่าใดบ้าง
มันคลุมเครือกว่า ควบคุมยากกว่า มัน Unpredictable กว่าครับ
การไปเลือกด้วยความเท่าเทียมกัน คือประชาธิปไตยครับ
การไม่เลือก ไม่ใช่ประชาธิปไตยครับ มันคือการ Boycott ต่างหากครับ
ประชาธิปไตย ต้องเลือก ก็เพราะว่า...คนเราต้องกิน...
มีข้าว กับ ก๋วยเตี๋ยวก็ต้องเลือกว่าจะกินถ้วยใด
การไม่กิน คือการ Boycott สิ่งที่จำเป็นในการมีชีวิตต่อไป
ไม่ว่าจะไม่กินด้วยการไม่ไปนั่งร่วมโต๊ะกิน (ไม่ไปใช้สิทธิ)
หรือจะไม่กินด้วยการไปนั่งที่โต๊ะ แล้วแสดงออกว่าฉันไม่พอใจอาหาร 2 อย่างบนโต๊ะ ฉันจึงไม่กิน (กา "ไม่เลือก")
ผลออกมาไม่ต่างกันเลย คือไม่ได้กินครับ
แต่เมื่อกินแล้ว ไม่อร่อย ต่อไปเราก็รู้แล้ว ต้องไปกินอีกถ้วยหนึ่งพอถึงเวลากินอีกถ้วยหนึ่ง
ต่อไปเราก็รู้แล้วว่า ถ้ามี 2 อย่างนี้ ควรจะกินถ้วยไหน
อย่างน้อยก็ไม่ได้แย่กว่า และไม่อดตายพอถึงมื้อต่อไป
มีอาหารชนิดใหม่มา... จากที่เราเรียนรู้มา 2 มื้อก่อน ก็ทำให้เรา....
(bla... bla... bla - เดี๋ยวโดนด่าว่าพล่ามยาว... เอาเป็นว่า คงเข้าใจกันล่ะ)
แต่การไม่กินเลย ตายครับ
ไม่ได้รู้ว่า แต่ละถ้วยเป็นอย่างไรไม่ได้โอกาสเลยว่า ต่อไปจะมีถ้วยอื่นมาขึ้นโต๊ะหรือไม่?
ไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ ลองชิมอาหารอื่นๆ ต่อไป? ไม่มีโอกาสให้พ่อครัวได้พัฒนาตัวเองก็เล่นฟาดงวงฟาดงา ล้มโต๊ะเอากันเลยประเทศนี้ไม่ได้มีพ่อครัวดีๆ เก่งแน่ๆ เจอคนกินแบบนี้...
ร่างกาย = ชาติข้าว,
ก๋วยเตี๋ยว = นักการเมือง/พรรคการเมือง
โต๊ะอาหาร = บัตรลงคะแนนเลือกตั้ง
พ่อครัว = ประชาชนผู้ไปลงคะแนนเลือกทุกคน (ที่กา "ไม่เลือก" ไม่เกี่ยวนะครับ)
สิทธิในการกาช่องไหน เป็นกลไกที่มาจากระบบประชาธิปไตยครับจาก: http://blognone.com/node/20229
แต่ Choice ที่เป็นการแสดงว่า "ฉันไม่เลือกอะไรเลย"
เป็น Choice ที่แสดงว่าฉัน Boycott การเลือกแบบประชาธิปไตยอย่างออกหน้าออกตา
(ยิ่งกว่าคนไม่ไปเลือกเสียอีก)
ที่แย่กว่านั้น...
ถ้าประชาชนกว่าครึ่งประเทศ กาไม่เลือกใครเลย
ก็เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับผู้ทรงอำนาจทางทหาร ในการถือโอกาสเอายอดจำนวนนั้นอ้าง
เพื่อเข้าควบคุมการปกครองครับ ด้วยอ้างว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่พอใจ
(ที่แนะนำให้ไปหาข่าวต่างประเทศอ่านย้อนหลังหลายๆ ประเทศ
จะพบได้ว่า Choice นี้ เกิดขึ้นจากรัฐบาลที่มีทหารอยู่ข้างหลัง
และ/หรือรัฐบาลทหาร หรือการเลือกตั้งหลังรัฐประหาร ทั้งสิ้นครับ)
ทีนี้ จะนำไปสู่สังคมนิยม หรือจะเผด็จการจริงๆ หรือจะสังคมนิยมประชาธิปไตย
ก็สุดแท้แต่จะเรียกจะแบ่งกัน
และจะเรียกว่าเดินหน้า หรือถอยหลังลงคลอง ก็สุดแท้แต่มุมมอง
คนที่อยากได้ประชาธิปไตยแท้ๆ ก็จะว่า ถอยหลังลงคลอง
คนที่อยากได้ "สมมุติผู้นำ" ก็จะว่าไปในทางที่ดีขึ้น
ผมสนับสนุนประชาธิปไตยแท้จริง
เพราะเห็นว่าเป็นการปกครองที่อยู่บนความเป็นจริง (ไม่ใช่ยึดเพียงข้อเท็จจริง)
คือความจริงที่ว่า มนุษย์ก็คือมนุษย์ มีรัก โลภ โกรธ หลง กันได้ทุกผู้ทุกนาม ทุกยาม ทุกเวลา
เมื่อมีเลือกขึ้นมาได้ ครบวาระแล้ว ก็สามารถถูกทิ้งเป็นหมาหัวเน่าไม่ได้รับเลือกอีก
แถมยังดำเนินคดีตามหลังได้
ระบบอื่นๆ ผมเห็นว่า มักจะมี "สมมุติผู้นำ" ที่คงไม่ใช่มนุษย์
เพราะดีเกินความเป็นจริง มาหลอกล่อว่าจะมีจริง ให้ประชาชนตั้งความหวังรอกันไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า
มนุษย์ที่ดีแท้อย่างเจ้าชายสิทธัตถะนั้น ไม่ต้องรอดอกครับ
ถ้ายังมีเหลืออยู่จริงก็ปลีกวิเวกกันทุกคนครับ
ถ้าลองออกหน้ามาอาสา ถึงจะว่ามาทำดีก็ตาม แปลว่ายังมี รัก โลภ โกรธ หลง แล้วครับ
อย่าฝันไปเลย ว่าจะมี "เทพ" ตัวจริง มาปกครอง "มนุษย์"
เพราะปัญหาของมนุษย์อย่างพวกเรา ไม่ใช่เพราะเราไม่ได้ "เทพ" มาเป็นผู้นำพวกเรา
แต่เป็นเพราะพวกเรานี่แหละ ดันเป็น "มนุษย์" ครับ
ปล. ผมค่อนข้างเห็นด้วยนะครับ ประชาธิปไตยเป็นการเลือกตัวเลือกที่แย่น้อยที่สุด :)
เห็นด้วยครับ
ตอบลบเคยได้ยินคำว่า common sense มั้ยครับ เวลานี้ทฤษฎีการเมืองอะไรทั้งหลายแหล่มันกลายเป็นเครื่องมือของคนกระหายอำนาจ บารมี เงินทองไปหมด ไม่มีนักการเมืองคนไหนทำเพื่อประชาชนในชาติจริงๆ ไม่ว่าฝ่ายไหน พวกนักวิชาการที่อกกมาพูดถึงประชาธิปไตยปาวๆก็พูดไป เคยแก้ปัญหาปากท้องชาวบ้าน ข้าวของแพงได้ไหม แก้ปัญหาพลังงานได้ไหม มีแต่คนรวยๆขึ้น คนจนๆลง common sense นักการเมืองน่ะที่ทำเพื่อประชาชนที่เลือกเข้าไปมันไม่มี จะให้ประชาชนเขามาอดทนกันอีกกี่สิบปี เขาทนไม่ไหวหรอก ประชาธิปไตยมันกินไม่ได้ ความเชื่อ ความสัมพันธ์ทางสังคม ความเคารพนับถือตนเองและผู้อื่นมันหายไปหมด เพราะถูกกลืนโดยทุนและอำนาจเงิน ที่ว่าไปไม่ใช่ประชาธิปไตยมันไม่ดีหรือเลวน้อยที่สุด แต่พูดถึงพื้นฐานความต้องการของคน
ตอบลบ